วิธีปลูกและดูแลมะม่วงขาวนิยม 

เทคนิคการปลูกต้นไม้

  ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับมะม่วงกันก่อนครับมะม่วงมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าMangifera Indica L. และมีชื่อสามัญว่า Mango เป็นผลไม้เมืองร้อน อยู่ในตระกูลเดียวกันกับถั่วฟิสตาซืโอและมะม่วงหิมพานต์  มีถิ่นกำเนิดมาจากอินเดีย บังกลาเทศและพม่า มะม่วงเป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลางมีใบโตยาวปลายใบแหลมขอบใบมีลักษณะเรียบมีใบอ่อนเป็นสีแดง การออกดอกจะออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง มีดอกขนาดเล็กสีขาว ผลอ่อนจะเป็นสีเขียว ผลแก่โดยทั่วไปจะเป็นสีเหลือง มีเมล็ดแบนเปลือกหุ้มเมล็ดมีความแข็งเป็นพิเศษ

เดิมทีมะม่วงมีความแตกต่างทางสายพันธ์ุประมาณ 49 สายพันธุ์ แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาสายพันธุ์ออกเพิ่มออกมาอีกมากมาย และในที่นี้อยากให้คุณได้ทราบถึงสายพันธุ์”ขาวนิยม” มาดูความพิเศษของมะม่วงพันธุ์นี้กันครับ

มะม่วงขาวนิยม คืออะไร

มะม่วงขาวนิยม คืออะไร

มะม่วงพันธุ์ ขาวนิยม เป็น มะม่วงที่มีการพัฒนาสายพันธุ์จากสายพันธุ์น้ำดอกไม้ผสมกับสายพันธุ์เขียวเสวย ทำให้ได้ส่วนผสมที่ลงตัวมาก กล่าวคือความแข็งแรงของเปลือกผลนั้นแข็งแรงมาก เมื่อสุกจะมีความหวานหอมละมุนเหมือนกับพันธ์น้ำดอกไม้และมีความมันกรอบอร่อยเหมือนกับพันธ์เขียวเสวยนั่นเอง  ทำให้มะม่วงขาวนิยมเป็นมะม่วงที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษแตกต่างจากมะม่วงพันธ์อื่นๆ และถือเป็นพันธ์ุที่น่าค้นหาและนำมาปลูกในส่วนของคุณเป็นอย่างยิ่ง ครับ

ความโดดเด่นอีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ผลมีขนาดใหญ่ หนัก 0.7-1.2กิโลกรัม และราคาดี ราคาตลาดอยู่ระหว่างกิโลกรัมละ 60-80 บาท เมื่อสุกเปลือกก็ยังคงเป็นสีเขียวหนาหุ้มเนื้อไว้เป็นอย่างดี โดยจะเริ่มสุกจากปลายผลที่เริ่มมีสีน้ำตาลเข้มๆให้เห็น ก็ถือว่าสุก สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ โดยไม่ต้องให้สุกเต็มลูก

สำหรับการเก็บผลแก่ที่ยังไม่สุก แล้วนำมาบ่มเนื้อจะอร่อยแน่นกว่า การเก็บผลที่เกือบสุก  เพราะว่าการบ่มจะทำให้ได้มะม่วงที่สุกเสมอกันทั่วทั้งผลครับ

วิธีปลูก

วิธีปลูก

วิธีปลูกที่ง่ายที่สุด คือการชื้อกิ่งพันธ์ุมาปลูก โดยเลือกกิ่งพันธ์ุที่มีใบแก่เต็มกิ่ง ลำต้นแข็งแรง เมื่อคุณได้กิ่งพันธุ์ที่ดีมาแล้วให้งดน้ำ1-2 วัน แต่อย่าให้ถึงกับกิ่งพันธุ์เหี่ยวเฉา ทั้งนี้จะเป็นการป้องกันไม่ให้ดินในถุงแตกเมื่อนำออกมาปลูกนั่นเอง 

การปลูกมะม่วงต้องขุดหลุมให้ลึกประมาณ 60 × 60 × 60 เซนต์ติเมตร ควรปลูกให้ลึกไว้ก่อนเมื่อโตขึ้นต้นจะได้ไม่ล้ม จากนั้นรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-16 ต้นละประมาณ1ช้อน ถ้าปลูกแปลงใหญ่แนะนำให้ขุดหลุมทุกหลุมให้เสร็จเสียก่อนแล้ว เพื่อความสะดวกในการกำหนดหลุมปลูกให้อยู่ในแนวเดียวกัน (ควรเว้นระยะห่างระหว่างหลุม 3.5- 4 เมตร ) จากนั้นจึงค่อยนำกิ่งพันธุ์มาปลุก ที่สำคัญก่อนปลูกควรวางกิ่งพันธุ์ ให้ตั้งตรงไม่ให้ล้มหรือนอนเพราะกิ่งพันธุ์จะตายได้ง่ายจึงจำเป็นต้องต้องวางกิ่งพันธุ์ให้ตั้งตรงเท่านั้น

วิธีดูแลและรักษา

วิธีดูแลและรักษา

การให้น้ำ

หลังจากปลูกเสร็จใหม่ๆควรให้น้ำวันเว้นวัน เป็นเวลา หนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นค่อยทิ้งช่วงให้น้ำและหมั่นสังเกตุหน้าดินด้วยอย่างให้แห้งโดยเด็ดขาด ทั้งนี้เนื่องจากมะม่วงมีความต้องการน้ำที่มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ แต่มะม่วงที่ปลูกหน้าฝนไม่จำเป็นต้องให้น้ำเลยก็ได้ ช่วงฤดูแล้งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้น้ำทุกๆ 3-5 วันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพดินและอากาศด้วยในช่วงฤดูแล้งควรใช้ฟางข้าวมาคลุมโคนของต้นมะม่วงด้วยเพื่อลดการระเหยของน้ำและจะช่วยทำให้ดินมีความชื้นได้นานขึ้น สามารถชลอระยะเวลาในการรดน้ำเพิ่มได้อีก 1-2วัน ควรระบึกอยู่เสมอว่ามะม่วงจะขาดน้ำไม่ได้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแตกใบอ่อน มะม่วงจะมีความต้องการน้ำมากเป็นพิเศษ ควรให้น้ำให้มากทุกวัน ระยะนี้ถ้าต้นมะม่วงขาดน้ำต้นมะม่วงอาจจะตายลงได้ ต้มมะม่วงที่ได้รับน้ำอย่างสม่ำเสมอจะมีอัตราการเจริญเติบโตได้ดีกว่าต้นมะม่วงที่ขาดน้ำครับ

การใส่ปุ๋ย

เมื่อพบว่ามะม่วงเริ่มแตกใบอ่อนให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-16 ในอัตรา 1ช้อนแกง ต่อหนึ่งต้น โดยใส่กระจายให้ทั่วต้นและรดน้ำจนปุ๋ยละลาย ใส่ซ้ำเมื่อครบ 2 เดือน  และเพิ่มปุ๋ยคอก ปีละ2 ครั้ง

การฉีดพ่นทางใบ

โรคแอนแท็กโนส เป็นโรคราที่มาทำลายใบอ่อนจะทำให้ใบอ่อนเสียหายและต้นชะงักการเจริญเติบโตจึงควรป้องกันโดยการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อรา อโรไศด์ หรือแอนทราโคล  โดยเริ่มฉีดตั้งแต่มะม่วงเริ่มออกยอดอ่อนใบอ่อน

สำหรับการป้องกันแมลงวันทองและแมลงต่างๆหรือหนอนกัดกินใบให้ใช้สารเคมี สูตร 21-21-21 หรือจะใช้สูตร 20-20-20 ก็ได้เพื่อช่วยป้องกันมิให้หนอนไปกัดกินใบ สามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่มีใบอ่อนยอดอ่อนเพื่อช่วยป้องกันแมลงด้วยและช่วยให้ยอดมะม่วงแข็งแรงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ในระยะออกดอก ให้ดูแลช่อมะม่วงด้วยการฉีด ยาในกลุ่มไซเปอร์เมทริน เช่น โกลน็อค หรือจะฉีดพ่นด้วย เซฟสิน-85ก็ได้เพื่อป้องกันพวกแมลงทองและแมลงต่างๆที่มากัดกินดอกและช่อมะม่วง

โรคและแมลงศัตรูพืช

โรคและแมลงศัตรูพืช

หนอนกัดกินใบอ่อน

ช่วงนที่มีอากาศเย็น อุณหภูมิลดต่ำลง มีหมอกในตอนเช้า และมีแดดแรงในตอนกลางวัน เป็นช่วงเวลาที่ด้วงงวงออกกัดกินยอดอ่อนของมะม่วงดังนั้นควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และฉีดยาพ่นเข้าช่วยสกัดกั้นไว้ มักพบการระบาดของด้วงงวงในระยะที่มะม่วงแตกใบอ่อน

แมลงวันทอง

แมลงวันทองตัวฉกาจ มักจะเข้าทำลายที่ผลของมะม่วงโดยตรงแต่บางชนิดก็ทำลายที่ดอกต้นและรากด้วยถ้าไม่มีการป้องกันจะเสียหายถึง 100% แมลงวันทองไม่ชอบสีน้ำตาลคุณควรซื้อถุงเกษตรสีน้ำตาล ซึ่งหาชื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์การเกษตรทั่วไป โดยนำมาหุ้มผลมะม่วงไว้หรือจะใช้วิธีอื่นๆเข้าช่วยเช่น  การใช้เหยื่อล่อพิษ ,การตัดแต่งกิ่ง,การเก็บผลที่ถูกทำลาย,การใช้สารล่อที่ทำให้แมลงวันเป็นหมันการใช้ศัตรูธรรมชาติเป็นตัวควบคุมและการใช้สารเคมีเมตทิลยูจินอล ผสมสารฆ่าแมลงในอัตราส่วน 2:1 ฉีดพ่น และอีกวิธีคือการใช้กับดักและเหยื่อล่อแมลงวันเพศผู้ให้เข้ามาติดกับและสูญพันธุ์ในที่สุดครับ 

โรคราดำ

มักพบในช่วงที่มะม่วงออกช่อดอก เมื่อมีหมอกลงเกาะช่อมะม่วงจะทำให้เกิดเป็นสีดำๆ ซึ่งเรียกกันว่าโรคราดำ มีวิธีป้องกันง่ายคือฉีดน้ำหรือน้ำยาเข้าสกัดกั้นให้หลุดร่วง และเก็บกวาดใบไม้ที่หล่นไต้ต้นไปเผานอกสวน เพื่อกำจัดโรคราดำมห้สิ้นซาก

การนำมาใช้

การนำมาใช้

ประโยชน์ทางตรง

มะม่วงขาวนิยมสามารถรับประทานได้ทั้งผลดิบ ผลห่าม และผลสุก  และเมื่อเก็บจากต้นมาบ่มจนสุกแล้วสามารถเก็บผลสุกไว้รับประทานได้ยาวนานเกือบ 5-7 วันทีเดียวครับ

มะม่วงขาวนิยม บอกได้เลยว่าได้ลองแล้วจะติดใจ เป็นผลไม้ที่เหมาะกับในหน้าร้อนครับ มะม่วงมีรสชาติดี หวาน มัน อร่อยถูกใจชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นอย่างมากนอกจากจะอร่อยแล้วยังเต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมายที่สำคัญคุณจะ นำไปทำ ทำเป็นเมนูข้าวเหนียวมะม่วง ไอสครัมมะม่วง  มะม่วงกวน มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงดอง และยำมะม่วงก็อร่อยถูกใจอย่างแน่นอน  

ประโยชน์ทางอ้อม

มะม่วงขาวนิยมอยู่ในกลุ่มผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มภูมิ้านทานให้แก่ร่างกาย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยบำรุงหัวใจและสายตาด้วย นอกจากนี้มะม่วงยังมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณ และมีเส้นใย ไฟเบอร์สูงเมื่อรับทานเป็นประจำจะช่วยล้างลำใส้ได้อีกด้วย

มีการศึกษาวิจัยให้เห็นว่าสารประกอบทางชีวภาพของมะม่วงอาจมีคุณสมบัติช่วยต้านมะเร็งได้ เช่นสารสกัดเมธานอลจากเปลือกมะม่วงมีส่วนช่วยในการต่อต้านเซลล์มะเร็งตับอ่อน สารสกัดเอทานอลจากเปลือกมะม่วงอาจช่วยเร่งทำลายเซลล์มะเร็งปากมดลูกคและสารสกัดจากเนื้อมะม่วงอาจช่วยทำลายเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่กรดแกลลิก มีส่วนช่วยทำลายเซลมะเร็งเต้านมได้

บทสรุป

  เห็นมั้ยครับว่า ผลไม้ทุกชนิดล้วนสะสมสารอาหารที่ให้ประโยชน์อย่างมากมาย มะม่วงก็เช่นกัน  โดยเฉพาะมะม่วงขาวนิยม มั่นใจได้เลยว่าหากได้มาครอบครองสักต้น คุณจะประทับใจในความอร่อยอย่างมากมายทีเดียวครับ 

บาคาร่าออนไลน์

เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>>เว็บตรงสล็อต

บทความต้นไม้

ไม้มงคล ตกแต่งบ้าน ราคาถูก